สะพานฮ่องกง–จูไห่–มาเก๊า (港珠奥大桥)

สะพานฮ่องกง–จูไห่–มาเก๊า (港珠奥大桥)

08 January 2019

สะพานฮ่องกง–จูไห่–มาเก๊า (港珠奥大桥) 
สะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลกเป็นระบบสะพานและอุโมงค์ ซึ่งประกอบด้วยสะพานสายเคเบิล 3 แห่ง และอุโมงค์ใต้น้ำ 1 แห่ง รวมทั้งเกาะเทียมอีก 2 แห่ง ครอบคลุมช่องแคบหลิงติงหยาง ซึ่งเชื่อมต่อฮ่องกง มาเก๊า และจูไห่ 


ส่วนภาพด้านบน นั่นก็คือสถานีให้บริการรถโค้ช ที่เราต้องมาซื้อตั๋วข้ามฝั่งจากมาเก๊าไปฮ่องกง
 
โดยสะพานนี้ใช้งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.5 แสนล้านบาท) เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561
 
สะพานแห่งนี้มีความยาวทั้งสิ้น 55 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างฮ่องกง มาเก๊า และเมืองจูไห่ของจีน โดยช่วงหนึ่งของสะพานจะมุดลงอุโมงค์ใต้ทะเล เป็นความยาว 7 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ก้นอ่าวราว  44.5 เมตรเพื่อให้เรือเดินสมุทรสามารถแล่นเข้า-ออกอ่าวฮ่องกงได้อย่างสะดวก



บนสะพานมีทางวิ่งสำหรับรถยนต์ทั้งหมด 6 เลน แบ่งเป็นฝั่งละ 3 เลน คาดว่าจะช่วยย่นระยะเวลาเดินทางจาก 3 ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 40 นาทีได้ อีกทั้งยังคาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่าง 3 เมืองดังกล่าวอีกด้วย 
 
สะพานถูกออกแบบให้มีลักษณะคดเคี้ยวเพื่อลดแรงตึงเครียดของคลื่นที่กระทำต่อเสาตอม่อสะพาน แถมยังถูกออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหวและไต้ฝุ่น โดยมีการใช้เหล็กในการก่อสร้างมากถึง 4 แสนตัน ซึ่งเทียบได้กับการสร้างหอไอเฟลถึง 60 แห่ง จึงนับว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดทางวิศวกรรมของจีน


ตัวสะพานมีความสูงมากพอที่จะให้เรือลำเล็กแล่นผ่านได้


เกาะกลางทะเลที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นปากอุโมงค์ให้รถวิ่งขึ้น-ลง ลอดใต้ระดับน้ำทะเล ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมสำคัญที่แสดงถึงความก้าวหน้าและทันสมัยทางด้านวิศวกรรมของจีน


มุมมองจากหน้าต่างด้านหน้าของรถโค้ช แสดงให้เห็นเกาะจำลองที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นทางขึ้น-ลงอุโมงค์ลอดใต้ทะเล


ภาพจำลองส่วนที่เป็นอุโมงค์ลอดใต้ทะเล ซึ่งจะมีจำนวน 2 อุโมงค์ ไปและกลับวางคู่ขนานกัน


ภาพถ่ายภายในอุโมงค์ลอดใต้ทะเล มีทั้งหมด 6 เลน ไป 3 เลน กลับ 3 เลน 


รูปจาก Googleแสดงตำแหน่งของโค้ช ในขณะที่นั่งรถข้ามสะพาน 


จากภาพ แสดงให้เห็นถึงระยะห่างระหว่างเกาะกลางทะเลที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นปากอุโมงค์ เพื่อใช้สำหรับเป็นช่องทางเดินเรือของเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถใต้สะพานได้


รถโค้ชที่ให้บริการทุกๆ10 นาที


ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งนะครับ เพราะให้บริการทุกๆ 10 นาที แถมยังมีช่อง USB ให้ชาร์ตมือถือด้วย


ค่าตั๋วรถข้ามสะพาน 65 เหรียญมาเก๊า เป็นตั๋วรถแบบไม่ระบุที่นั่ง มีรถออกทุกๆ 10 นาที แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าซื้อตั๋วแล้วควรจะขึ้นรถภายใน 1 ชม. นะครับ
 
โดยส่วนตัวโค้ชคิดว่าถ้าเรากำลังท่องเที่ยวอยู่ในตัวเมืองฮ่องกง แล้วจะข้ามไปมาเก๊า ควรจะนั่งเรือเฟอร์รี่ไปมาเก๊าจึงจะสะดวกที่สุด 
 
แต่ถ้าเพื่อนๆ บินจากเมืองไทยมาฮ่องกง แล้วจะข้ามไปเที่ยวที่มาเก๊าทันที ควรจะใช้สะพาน ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าเพราะสะพานนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติฮ่องกงครับหรือจากมาเก๊าจะมาเที่ยวฮ่องกงดิสนีย์แลนด์หรือไปไหว้พระที่นองปิง ก็ควรจะใช้สะพานนี้เพราะทั้งสองแห่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานมากนักครับ
 
จากการวิเคราะห์ของโค้ชเชื่อว่าสะพานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างจีน ฮ่องกง และมาเก๊า 
จะทำให้ประหยัดค่าขนส่ง ระยะเวลาในการส่งสินค้า และการเดินทางได้เป็นอย่างมาก เพราะฮ่องกงถือได้ว่าเป็นท่าเรือน้ำลึกที่มีความสำคัญในการขนส่งสินค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญของโลก ส่วนมาเก๊าก็เป็นเมืองที่มีแหล่งบันเทิงและคาสิโน ที่มีผู้คนสนใจมาวัดดวงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่วนทางฝั่งจีน ก็จะมีเมืองเซินเจิ้น,
กวางโจว, ตงก่วน และฝอซาน ซึ่งเป็นแหล่งนิคมอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าส่งไปจำหน่ายทั่วโลกอย่างมากมาย โดยรวมแล้ว ประชากรของทั้ง 3 พื้นที่นี้มีประมาณเกือบ 70 ล้านคน พอๆ กับจำนวนประชากรของประเทศไทย แต่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมประมาณ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่ามีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่าไทยมหาศาล (ปี 2560 GDP ของไทยอยู่ที่ 455.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ลองคิดกันดูนะครับว่า GDP ของเขามากกว่าของไทยกี่เท่า
 
แต่ถ้าพูดถึงทางด้านการเมือง อาจจะมีหลายฝ่ายมองว่าสะพานแห่งนี้เป็นการประกาศจากทางฝั่งจีนให้ชาวโลกได้รู้ว่าฮ่องกงและมาเก๊าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน และจะไม่ยอมให้ฮ่องกงและมาเก๊าแยกตัวออกไปเพื่อปกครองตนเองอย่างอิสระแน่นอน
 
นับว่าเป็นความท้าทายของรัฐบาลจีนอย่างยิ่ง ในการที่จะรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเมือง และแรงต่อต้านจากคนฮ่องกงและมาเก๊า ถ้าจีนประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการ โค้ชเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นตัวสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของจีนได้เป็นอย่างดี เพราะจะมีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย นักลงทุนจากในและต่างประเทศจะเข้ามาลงทุนกันอีกมาก แถมยังเป็นจุดดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยว อยากมาข้ามสะพานแห่งนี้สักครั้งในชีวิต และแน่นอนว่าจะส่งผลทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะทางฝั่งจูไห่ของจีนแผ่นดินใหญ่เพราะที่นั่นยังมีราคาถูกกว่าฮ่องกงและมาเก๊ามาก

พวกเราว่าจริงไหมครับ
ใครมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ?

สะพานถูกออกแบบให้มีลักษณะคดเคี้ยว เพื่อลดแรงตึงเครียดของคลื่นที่กระทำต่อเสาตอม่อสะพาน



ทัศนียภาพโดยรวมของเมืองจูไห่


มุมมองจากบริเวณด่านกงเป่ย เมืองจูไห่ ซึ่งเป็นจุดที่คนใช้เดินทางเข้า-ออก ระหว่างมาเก๊าและจูไห่


คอนโดที่สร้างมานานแล้วในมาเก๊า


คอนโดที่มาเก๊า โดยส่วนใหญ่แล้วด้านล่างจะเป็นร้านค้า เช่นเดียวกับที่ฮ่องกงและกวางโจว


คอนโดที่มาเก๊ามีราคาสูงกว่าคอนโดในเมืองจูไห่มากพอสมควร


อาคารสำนักงานอันทันสมัยของฝั่งฮ่องกง


ทัศนียภาพอันงดงามของเกาะฮ่องกงที่มองจากเรือเฟอร์รี่


พื้นที่บริเวณเกาะฮ่องกง จุดที่เมื่อก่อนเคยเป็นทะเล แต่ปัจจุบันถูกถมเพื่อเพิ่มพื้นที่ของเมือง

จากการที่โค้ชได้มีโอกาสสำรวจสะพานฮ่องกง–จูไห่–มาเก๊า (港珠奥大桥) ในครั้งนี้
ทำให้โค้ชได้รับความรู้ที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดในการลงทุนอสังหาในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
แล้วโค้ชจะนำความรู้ดีๆ ที่เป็นประโยชน์ไปแบ่งปันให้กับพวกเราต่อในสัมมนานะครับ

=================

ห้ามพลาด ของขวัญปีใหม่??
เรียนฟรี 9 ที่สุดท้าย!!
สูตรสำเร็จ...เคล็ดลับรวยด้วยคอนโดและที่ดิน (SCI : Start up) (มูลค่า 5,500 บ.)

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการลงทุนคอนโดมาก่อน และผู้ที่ต้องการ Update ความรู้ในด้านการลงทุนใหม่ๆ

ลงทะเบียนและดูรายละเอียดเพิ่มเติมเลยที่
http://www.coachnatt.com/TH/courses/sci_startup

ในยุคเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ คุณเคยเป็นแบบนี้บ้างไหม ???

1. อยากซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเอง แต่ก็ไม่รู้หลักในการเลือกที่ถูกต้อง
2. อยากซื้อคอนโดให้คนเช่า แต่ก็ไม่รู้จะหาผู้เช่าจากไหน
3. อยากลงทุนคอนโดให้ได้กำไรแต่ก็ไม่กล้า กลัวขาดทุน

ความกลัวเหล่านี้เหล่านี้จะหมดไป ถ้าได้มีโอกาสมาเรียนรู้ กับโค้ชณัฐ สถาปนิกผู้มีประสบการณ์สูงในการลงทุนคอนโด

ผู้เขียนหนังสือขายดี (Best Seller) เผยเคล็ดลับว่าทำอย่างไรภายใน 3 ปีกว่า จากการเริ่มต้นลงทุนเพียงแสนบาทต้นๆ
มีคอนโดครอบครองสิทธิ์ประมาณ 68 ล้านบาท (ถ้ารวมมูลค่าของคอนโดที่ได้ซื้อขายไปแล้วด้วย จะมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท)

วันเสาร์ที่ 26 ม.ค. 2562
สถานที่จัดงาน : โรงแรมจัสมินซิตี้ สุขุมวิท 23 (BTS อโศก, MRT สุขุมวิท) ชั้น L ห้องออร์คิด 4

กำหนดการ
12:00 น. ลงทะเบียน
13:00-17:00 น. สัมมนา

มีที่นั่งให้เลือก 2 แบบ
1. แบบ VIP มีค่าใช้จ่าย 500 บาท
มีเบรคกาแฟ เอกสาร และที่นั่งด้านหน้า
Link ลงทะเบียน SCI Start Up (ที่นั่ง VIP)
https://goo.gl/CiTN5s

2. แบบปกติ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย!!
Link ลงทะเบียน SCI Start Up (ที่นั่งปกติ)
https://goo.gl/aeivsW

ขอบคุณครับ

โค้ชณัฐ
#ธุรกิจกับจิตใจต้องไปคู่กัน

เชิญคลิกมาเป็นเพื่อนกันและรับข้อมูลดีๆ ได้ที่
Line : @coachnatt
www.facebook.com/coachnatt
www.coachnatt.com
โทร. 098-253-0331